1. การฟังมี 2 แบบคือ ฟังแบบจับใจความ (Macro) และฟังการออกเสียงสำเนียง (Micro) ให้เริ่มจากการจับใจความก่อน เมื่อคล่องบวกกับเริ่มมั่นใจว่าฟังออกแล้วถึงเริ่ม focus on pronunciation ได้ยินคำไหนให้ฝึกออกเสียงตาม โดยเฉพาะให้สังเกตศัพท์ที่เรารู้อยู่แล้ว แต่ทำไม Native speaker จึงออกเสียงไม่เหมือนกับ เราก็ให้รีบแก้สำเนียงการออกกเสียงของคำนั้นๆ ให้ถูกต้อง (คนฉลาดคือคนที่ช่างสังเกต = observing)
2. ให้ไปซื้อหูฟังใหญ่ๆ ยี่ห้อ Philips ประมาณ 4,000 กว่าบาท เสียงดังฟังชัด Input เท่ากับ Output ในเส้นสมองของเราต้องมีเสียงที่ถูกต้องของศัพท์แต่ละคำก่อน เราจึงจะออกเสียงของคำๆ นั้นได้ถูกต้อง และเมื่อเราได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง เราก็จะระลึกและจำได้ทำให้ฟังรู้เรื่อง
3. ต้องสร้างฐานศัพท์ก่อน มิฉะนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาพูดอะไร (ดูวิธีสร้างฐานศัพท์ในส่วนการฝึก Speaking Skill ข้อ 3)
4. จับ Key Words ให้ได้โดยแปลงคำเหล่านั้นเป็นมโนภาพ (visualization) เพื่อจะได้ปะติดปะต่อเรื่อง และเข้าใจความรู้สึกของผู้พูด (ภาพสื่อความรู้สึก)
5. ให้หัดดูหนังฝรั่งบ่อยๆ หรือฟังสารคดี ข่าว CNN อย่าอ่าน Subtitle มิฉะนั้นประสาทจะไม่ทำงาน ตั้งใจฟังอย่างเดียว วันละสัก 1.5-2 ชั่งโมงเพื่อสร้างความเคยชินกับภาษา อีกทั้งโครงสร้างของภาษาที่ถูกต้องจะถูกดูด ซับเข้าไปในเส้นสมอง และควรฝึกหัดฟังเพลง โดยเฉพาะเพลงโปรดของเรา พยายามเข้าใจเนื้อความและความหมาย หูเราก็จะพัฒนาความละเอียดอ่อนของการออกเสียงสู่จุดสูงสุด เวลาหัดฟังรายการหรือเพลงภาษาอังกฤษ ในตอนแรกไม่ต้องพยายามเข้าใจความหมาย แต่ตั้งจิตฟัง Pronunciation ของแต่ละคำ stress and intonation โดยเฉพาะให้สังเกตปากของฝรั่งเวลาพูดจะเปิดกว้างมาก และมีลมพวยพุ่งออกมาจากปาก ตลอดเวลา (เสียงระเบิด) เราก็ฝึกพูดตามไปด้วยคือ ยิ้มสยามเข้าไว้ทุกอย่างจะดีเอง เพราะปากเราจะเปิดถ้ากว้างตามไปด้วย เสียงจะได้ไม่ตะกุกตะกัก